วันเสาร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2554

อุทยานแห่งชาติภูพาน

การจองที่พักและบริการ

1. สามารถจองด้วยตนเองทางอินเตอร์เน็ตที่เว็บไซต์ของกรม www.dnp.go.th หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ทำการจองให้ทางโทรศัพท์ หรือเดินทางมาติดต่อด้วยตนเอง กรมไม่มีตัวแทนการจองที่พักกับภาคเอกชนรายใดทั้งสิ้น
2. ผู้ที่ทำารจองก่อนจะได้รับสิทธิ์ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการจองโดยเจ้าหน้าที่ หรือจองด้วยตนเอง เพราะเป็นฐานข้อมูลการจองเดียวกัน
3. สามารถจองล่วงหน้าได้ 60 วัน และจองต่อเนื่องได้ครั้งละ 3 วัน
4. ในกรณีที่ผู้จองทำการจองด้วยตนเองทางเว็บไซต์ของกรม โดยไม่กรอกรายละเอียดการจองให้ครบถ้วน เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ โทรศัพท์ เป็นต้น ซึ่งเชื่อได้ว่าไม่มีความประสงค์ที่จะใช้บริการจริง กรมสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการจองนั้นๆ ทันทีที่ตรวจพบจองที่พักที่นี้ 

         

ร้านหนังสือ




เขาพระวิหาร คดีสะท้านใจ คนไทยทั้งชาติ
สำนักพิมพ์ : Rich Publishing
ผู้แต่ง: พันโท อานันท์ ชินบุตร
ประเภท : สารคดีน่ารู้
ราคา : 150.00 บาท ลดพิเศษ 10% 135.00 บาท
ISBN : 9786165092685
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 205
ขนาด : 210 x 145 x 12
น้ำหนัก : 280
ซื้อได้ที่นี้ 

Nat Geo Amazing !
สำนักพิมพ์ : อมรินทร์
ผู้แต่ง: เมลีนา เจโรซา เบลโลว์ส
ประเภท : สารคดีน่ารู้
ราคา : 750.00 บาท ลดพิเศษ 10% 675.00 บาท
ISBN : 9786167094083
ปก : ปกแข็ง
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 188
ขนาด : 283 x 235 x 15
น้ำหนัก : 1050

ซื้อได้ที่นี้ 

สงครามครั้งสุดท้าย ของ สมเด็จพระนเรศวร
สำนักพิมพ์ : ร.ศ.๒๒๙
ผู้แต่ง: ทัศนา ทัศนมิตร
ประเภท : สารคดีน่ารู้, ประวัติศาสตร์/วัฒนธรรม, สารคดี
ราคา : 155.00 บาท ลดพิเศษ 10% 139.50 บาท
ISBN : 9786167405131
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 207
ขนาด : 208 x 145 x 13
น้ำหนัก : 290

ซื้อได้ที่นี้ 


National Geographic โลกวินาศธรรมชาติพิโรธ
สำนักพิมพ์ : เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก
ผู้แต่ง: กองบรรณาธิการ
ประเภท : สารคดีน่ารู้
ราคา : 450.00 บาท ลดพิเศษ 10% 405.00 บาท
ISBN : 9786167094076
ปก : ปกแข็ง
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 132
ขนาด : 290 x 235 x 8
น้ำหนัก : 830

ซื้อได้ที่นี้ 

ประวัติศาสตร์ฉลาดรู้ เล่ม 5 ประเทศรัสเซีย
สำนักพิมพ์ : อมรินทร์คอมมิกส์
ผู้แต่ง: ชูซองยูน
ประเภท : การ์ตูน ราคา : 199.00 บาท ลดพิเศษ 10% 179.25 บาท
ISBN : 9786165180535
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 187
ขนาด : 210 x 145 x 10
น้ำหนัก : 290
ซื้อได้ที่นี้

มหัศจรรย์แนวพระราชดำริ ตอนแก๊งป่วนเรียนรู้เรื่องน้ำ
สำนักพิมพ์ : Asian Manga
ผู้แต่ง: กองบรรณาธิการ
ประเภท : หนังสือเด็ก/นิทาน, การ์ตูน ราคา : 145.00 บาท ลดพิเศษ 5% 137.75 บาท
ISBN : 9786165101240
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 144
ขนาด : 211 x 146 x 8
น้ำหนัก : 222
ซื้อได้ที่นี้

ขปริศนาลี้ลับ แอตแลนติส อารยนครลึกลับที่สาบสูญ
สำนักพิมพ์ : E.Q Plus
ผู้แต่ง: Comic Creation
ประเภท : การ์ตูน
ราคา : 169.00 บาท ลดพิเศษ 10% 152.25 บาท
ISBN : 9786167012810
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 143
ขนาด : 210 x 145 x 10
น้ำหนัก : 240

สั่งซื้อที่นี้ 

คณิตศาสตร์แฟนตาซี ล.11 ตอนผนึกตรรกะ
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ผู้แต่ง: Grimnamu
ประเภท : หนังสือเด็ก/นิทาน, การ์ตูน ราคา : 168.00 บาท ลดพิเศษ 5% 159.75 บาท
ISBN : 9786160404551
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 184
ขนาด : 190 x 146 x 10
น้ำหนัก : 242
สั่งซื้อได้ที่นี้

ล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าในคิวบา
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ผู้แต่ง: Gomdori co.
ประเภท : หนังสือเด็ก/นิทาน, การ์ตูน ราคา : 165.00 บาท ลดพิเศษ 5% 156.75 บาท
ISBN : 9786160403783
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 208
ขนาด : 190 x 146 x 10
น้ำหนัก : 248
สั่งซื้อได้ที่นี้

ไขปริศนาลี้ลับ ยูเอฟโอแกะรอยปริศนาลี้ลับ
สำนักพิมพ์ : E.Q.Plus EngZy
ผู้แต่ง: E.Q.Plus Cleation
ประเภท : การ์ตูน ราคา : 169.00 บาท ลดพิเศษ 10% 152.25 บาท
ISBN : 9786167012780
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 144
ขนาด : 210 x 145 x 10
น้ำหนัก : 240
สั่งซื้อได้ที่นี้

ไขปริศนาลี้ลับ นครมายาอาณาจักรดึกดำบรรพ์
สำนักพิมพ์ : E.Q.Plus EngZy
ผู้แต่ง: E.Q.Plus Cleation
ประเภท : การ์ตูน ราคา : 169.00 บาท ลดพิเศษ 10% 152.25 บาท
ISBN : 9786167012797
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 149
ขนาด : 210 x 144 x 10
น้ำหนัก : 250
สั่งซื้อได้ที่นี้

อาสาสมัครพิทักษ์โลก 1 ตอนดับมหันตภัยโลกร้อน
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ผู้แต่ง: Park, Ea-Ra
ประเภท : หนังสือเด็ก/นิทาน, การ์ตูน ราคา : 148.00 บาท ลดพิเศษ 5% 140.75 บาท
ISBN : 9786160404063
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 160
ขนาด : 190 x 146 x 8
น้ำหนัก : 202
สั่งซื้อได้ที่นี้

เอาชีวิตรอดตะลุยป่ามหาภัย 3 ตอนปริศนาถ้ำแมงมุม
สำนักพิมพ์ : นานมีบุ๊คส์
ผู้แต่ง: Hong Jae-cheol
ประเภท : หนังสือเด็ก/นิทาน, การ์ตูน ราคา : 158.00 บาท ลดพิเศษ 5% 150.25 บาท
ISBN : 9786160403226
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 184
ขนาด : 190 x 146 x 10
น้ำหนัก : 226
สั่งซื้อได้ที่นี้

เจาะลึกกลศึกสามก๊ก
สำนักพิมพ์ : เนชั่นบุ๊คส์
ผู้แต่ง: สื่อเยี่ยน
ประเภท : หนังสือเด็ก/นิทาน, การ์ตูน ราคา : 180.00 บาท ลดพิเศษ 5% 171.00 บาท
ISBN : 9786165150859
ปก : ปกอ่อน
พิมพ์ครั้งที่ : 1
จำนวนหน้า : 240
ขนาด : 210 x 146 x 16
น้ำหนัก : 272
สั่งซื้อได้ที่นี้

บทความน่ารู้เรื่อง สัตว์เลี้ยงสวยงาม


ปลาสวยงาม
                   ปลาหางนกยูงมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Poecilia reticulata Peters 1859 มีชื่อสามัญว่า Guppy อยู่ในครอบครัว Poecidae เป็นปลาอออกลูกเป็นตัว และมีถิ่นกำเนิดทางทวีปอเมริกาใต้แถบเวเนซูเอลล่า หมู่เกาะคาริเบียนของประเทศบาร์บาโดสและในแถบลุ่มน้ำอเมซอน ในธรรมชาติอาศัยอยู่ในแหล่งน้ำจืด
และน้ำกร่อยที่เป็นแหล่งน้ำนิ่งจนถึงน้ำไหลเรื่อยๆ ปลาตัวผู้มีขนาด 3 -5 เซนติเมตร ตัวเมียมีขนาด 5 -7
เซนติเมตร ปลาหางนกยูงที่นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม ซึ่งเป็นปลาที่ได้รับการคัดพันธุ์และปรับปรุงพันธุ์มาจากพันธุ์พื้นเมือง ( Wild guppies) ที่พบแพร่กระจายอยู่ในธรรมชาติ ลักษณะเด่นที่ใช้ในการปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ๆ คือ ลักษณะสีและลวดลายบนลำตัวและลวดลายบนครีบหางและรูปแบบของครีบหาง ซึ่งในการเรียกสายพันธุ์ต่างๆ จะถูกตั้งชื่อตามลักษณะ ดังกล่าว
ลักษณะที่ดีของปลาหางนกยูง                                             
ลักษณะลำตัว                   ->   มีขนาดใหญ่ หนาสมส่วน ไม่คดงอ
ลักษณะครีบ                    
->   ครีบหางใหญ่ พริ้วหนา แข็งแรงสมบูรณ์ไม่ฉีกขาด ขณะว่ายน้ำพริ้วไม่พับ
สีและลวดลาย                  
->     ถูกต้องตามสายพันธุ์    คมเข้มชัดเจน

ความสมบูรณ์ของลำตัว    -> ทรงตัวปกติ

                               ปลาการ์ตูนป็น ปลาที่ถูกจัดอยู่ในครอบครัวปลาสลิดหิน (damselfishes, family pomacentridae) (สุภาพร, 2543) ปัจจุบันปลาการ์ตูนทั่วโลกที่สำรวจพบ และได้รับการจำแนกแล้วมี 28 ชนิด เป็นสกุล (genus) Amphiprion จำนวน 27 ชนิด และ สกุล Premnas อีก 1 ชนิด คือ spinecheek anemonefish, Premnas biaculeatus ซึ่งลักษณะที่ใช้แยกปลาสกุลนี้ออกมาคือ มีหนามขนาดใหญ่ (enlarged spine) บริเวณใต้ตา (Allen, 1997)อุ่น จิต(2537) กล่าวว่า ปลาการ์ตูนที่พบในน่านน้ำไทยมี 7 ชนิด แบ่งเป็นฝั่งอันดามัน 5 ชนิด ได้แก่ ปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนอินเดียน ปลาการ์ตูนลายปล้อง ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง และปลาการ์ตูนแดงดำ ส่วนปลาการ์ตูนที่พบในอ่าวไทยมี 2 ชนิด คือ ปลาการ์ตูนหลังอาน และปลาการ์ตูนอินเดียนแดง แต่ ธรณ์(2544) กล่าวว่า ปลาการ์ตูนลายปล้องสามารถพบได้ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน นอกจากนั้นยังพบปลาการ์ตูนส้มขาว และ ปลาการ์ตูนอินเดียนที่เกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาส (อ่าวไทย) อีกด้วย
         ปลาการ์ตูนพบได้เฉพาะในเขตมหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรแปซิฟิกบางส่วน ในธรรมชาติปลาการ์ตูนจะอยู่ไม่ได้ถ้าปราศจากดอกไม้ทะเล ดังนั้นเราจะพบปลาการ์ตูนได้ก็ต่อเมื่อได้พบดอกไม้ทะเลเท่านั้น แม้ว่าดอกไม้ทะเลจะมีเข็มพิษแต่กลับไม่ทำอันตรายต่อปลาการ์ตูน ทำให้ปลาการ์ตูนอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในดอกไม้ทะเล จากการสำรวจพบว่า ปลาการ์ตูนแต่ละชนิดจะจำเพาะเจาะจงต่อชนิดของดอกไม้ทะเลที่จะอาศัยอยู่ด้วย แต่ก็มีปลาการ์ตูนอีกหลายชนิดที่สามารถอาศัยอยู่กับดอกได้ทะเลได้หลายชนิด
          ปลาการ์ตูนแต่ละชนิดจะมีรูปแบบสีที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งปกติจะประกอบไปด้วยสีส้ม แดง ดำ เหลือง และส่วนใหญ่จะมีแถบสีขาวพาดขวางลำตัว 1-3 แถบ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของปลาการ์ตูนก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นปลาการ์ตูนชนิดเดียวกันแต่ก็จะมีส่วนที่มีสีแตกต่าง กันอยู่เสมอ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนที่ทำให้ปลาการ์ตูนจำคู่ของมันได้ นอกจากนั้นปลาที่อาศัยต่างสถานที่กันอาจมีสีที่แตกต่างกันได้เรียกว่าความ ผันแปรของสี (colour variation)โดย ปกติปลาการ์ตูนจะอยู่กันเป็นคู่ ๆ และอาจมีปลาขนาดเล็กอาศัยร่วมอยู่ด้วย แต่ในดอกไม้ทะเลดอกหนึ่ง จะมีปลาตัวผู้และตัวเมียอย่างละตัวเท่านั้น ปลาตัวเมียจะมีขนาดโตกว่าตัวผู้และตัวอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด และทำหน้าที่เป็นผู้นำ คอยปกป้องอาณาเขตที่เป็นที่อาศัยของมัน ถ้าปลาตัวเมียตายไป จะมีปลาตัวใหม่เจริญเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วและกลายเป็นตัวเมียแทน หรือหมายความว่า ปลาการ์ตูนสามารถเปลี่ยนเพศจากเพศผู้เป็นเพศเมียได้ Allen(1997) กล่าวว่า ปลาการ์ตูนจะวางไข่ครั้งละหลายร้อยฟองบริเวณฐานของดอกไม้ทะเล ซึ่งมีหนวดของดอกไม้ทะเลปกคลุม ทำให้ไข่มีความปลอดภัย พ่อปลาจะคอยดูแลไข่ หลังจากนั้น 6-7 วัน ไข่จะฟักเป็นตัวและล่องลอยไปตามน้ำ ใช้ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ จากนั้นปลาต้องหาดอกไม้ทะเลเพื่อเป็นที่อยู่ ไม่อย่างนั้นปลาจะตายเนื่องจากอดอาหาร หรือถูกกิน
                                   



ปลาการ์ตูนส้มขาว
        ลำตัวมีสีส้มเข้ม มีแถบสีขาว 3 แถบ พาดบริเวณส่วนหัว ลำตัวและบริเวณหาง ขอบของแถบสีขาวเป็นสีดำ ขอบนอกของครีบเป็นสีขาวและขอบในเป็นสีดำ อาศัยในที่ลึก ตั้งแต่ 1-15 เมตร ขนาดตัวโตที่สุดประมาณ 10 เซนติเมตร อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเลชนิด Heteractis magnifica และ Stichodactyla gigantea เป็นต้น ปลาการ์ตูนส้มขาวพบได้บ่อยที่สุดในทะเลอันดามัน อ่าวไทยพบได้ที่เกาะโลซิน จังหวัดนราธิวาส อาศัยอยู่เป็นครอบครัวใหญ่ ในดอกไม้แต่ละกออาจพบปลาการ์ตูนชนิดนี้อยู่ด้วยกัน 6-8 ตัว 


  ปลาการ์ตูนลายปล้อง
        ลำตัวมีสีดำเข้ม ส่วนหน้าครีบอกและหางมีสีเหลืองทอง มีแถบขาว 3 แถบ ตรงส่วนหัว ลำตัว และโคนหาง ปลาชนิดนี้มีความผันแปรของสีสูง มีไม่ต่ำกว่า 8 รูปแบบ (ธรณ์, 2544) สีของลูกปลาวัยรุ่นก็ต่างจากปลาเต็มวัย พบทั้งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน จัดเป็นปลาการ์ตูนใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ขนาดโตที่สุดประมาณ 15 ซ.ม. อาศัยอยู่ร่วมกับดอกไม้ทะเลได้หลายชนิด บางครั้งเป็นชนิดที่พบตามพื้นทราย ปลาการ์ตูนลายปล้องมีการแพร่กระจายกว้างมาก อาจอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 3-4 ตัว โดยมีตัวเมีย ซึ่งมีขนาดโตที่สุด เป็นจ่าฝูง ตัวที่มีขนาดรองลงมาจะเป็นตัวผู้ ถ้าตัวเมียตายไปตัวผู้ก็จะรีบโตและเปลี่ยนเพศขึ้นมาทำหน้าที่แทน 


 ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง
      ลำ ตัวมีสีดำ ส่วนหางมีสีเหลือง มีแถบขาว 2 แถบ แถบแรกพาดอยู่บริเวณหลังตา อีกแถบพาดผ่านท้องขึ้นมายังครีบหลัง เป็นชนิดที่หายาก พบเฉพาะฝั่งอันดามันในที่ลึกตั้งแต่ 2-25 เมตร ขนาดโตที่สุดประมาณ 14 เซนติเมตร อยู่กับดอกไม้ทะเลชนิดที่ฝังทรายได้แก่ Stichodactyla haddoni มีสีน้ำตาลหนวดสั้น มักอยู่กันเป็นคู่กับลูกเล็ก ๆ 3-4 ตัว มีนิสัยดุร้ายกับปลาอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว



  ปลาออสการ์เป็นพันธุ์พื้นเมืองของลุ่มแม่น้ำ Orinoco, อะเมซอน และ La Plata ในทวีป อเมริกาใต้ แต่เดิมพบในลำคลองแถบ ไมอามี่ และ Dade country ที่ฟลอริด้า มีการเลี้ยงในฟาร์มปลาเพื่อเป็นอาหารและกีฬา ต่อมาได้มีการนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม โดยกระจายอยู่ทั่วไปแถบทวีปอเมริกา แอฟริกา และเอเซีย ปลาออสการ์ (Astronotus ocellatus) เดิมมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lobotes ocellatus ชื่อสามัญว่า Oscar, Red Belvet, Velvet Cichlid, Marbled Cichlid, Peacock-Eyed Cichilld, Tiger Oscar, Peacock Cichilld อยู่ในครอบครัว Cichlidae มีนิสัยค่อนข้างดุ โตเต็มวัยมีความยาวขนาด 12 - 14 นิ้ว ชอบกินอาหารที่มีชีวิต สามารถฝึกให้กินอาหารเม็ดได้ มีผู้เคยทำการศึกษาโดยการตรวจดูอาหารที่อยู่ในท้องของปลาจากธรรมชาติพบว่ามี แมลง ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ พืชน้ำ และเมล็ดพืชอื่น ๆ เป็นปลาอาศัยอยู่ได้ทั้งบนผิวน้ำ กลางน้ำและท้องน้ำ เป็นที่นิยมเลี้ยงมาก และถ้าเลี้ยงดูอย่างดีสามารถมีชีวิตอยู่ได้เป็น 10 ปี ปลาออสการ์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ 5 ชนิด ออสการ์สีพื้น ลายเสือ สีแดง สีเผือก หางยาว อาจจะพบประเภทอื่น ๆ อีก ได้แก่ เผือกตาแดง สีฟ้า (อาจจะมาจากการย้อม) และลายหินอ่อน นอกจากนั้นยังมี เผือกทอง เผือกเสือแดง หรือมีตั้งแต่สีขาว น้ำตาลจนกระทั่งสีดำ มีลายสีแถบแดงที่ด้านข้างลำตัว สีของปลาขนาดเล็กพบว่ามีสีแดงสลับกับสีดำ เมื่อโตขึ้นสีจะเปลี่ยนไปเป็นสีเทาและสีส้มแดง ส่วนครีบมีสีดำหรือทองมีรูปร่างแบนปากใหญ่ ปากล่างยาวกว่าปากบน เติบโตเร็วมาก ดังนั้นจึงต้องการตู้ขนาดใหญ่ เลี้ยงง่ายควรจะต้องมีที่กรองน้ำให้ด้วย มีนิสัยดุร้าย ดังนั้นควรที่จะเลือกปลาที่เลี้ยงในตู้เดียวกันให้มีขนาดไล่เลี่ยกันสามารถ ที่จะปล่อยร่วมกับปลาอื่น ๆ ได้เช่น หมอเท็กซัส หมอไฟร์เมาท์ เปกู ชอบขุดคุ้ยก้อนหิน ต้นไม้และกรวดทรายในตู้ บางครั้งทำลายอุปกรณ์ในตู้ปลาได้ ควรที่จะเลี้ยงในตู้ปลาที่มีขนาดใหญ่เพื่อให้ปลาสามารถเจริญเติบโตได้เต็ม ที่ แต่เพื่อให้ง่ายในการดูแลบางครั้งมักที่จะเลี้ยงในตู้ที่ไม่ใส่ทรายหรือกรวด เลย ขณะเดียวกันอุณหภูมิไม่เหมาะสม ให้อาหารมากเกินไป คุณภาพน้ำไม่ดีก็อาจทำให้ปลาตา


ปลาทอง (goldfish) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Garassius auratus (Linn.) มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน และได้มีการนำเข้ามาเพาะขยายพันธุ์ในประเทศไทยจนได้รับความนิยมอย่างแพร่ หลาย มีการคัดพันธุ์เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ ๆ ที่มีลักษณะและสีสันแปลกออกไป พันธุ์ปลาทองที่ได้รับความนิยมในตลาดปัจจุบัน ได้แก่ พันธุ์หัวสิงห์ (Lion head) ออแรนดา (Oranda) เกล็ดแก้ว (Pearl scale) ตาโปน (Telescope eye) ริวกิ้น (Ryukin) ตาลูกโป่ง (Bubble eye) ชูบุงกิ้น (Shubunkin) เป็นต้น
การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ปลาทอง




ปลากัด ป็นปลาพื้นเมืองของไทยที่นิยมเพาะ เลี้ยงเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วทั้งนี้เพื่อไว้ดูเล่นและเพื่อกีฬากัดปลาและ เป็นที่รู้จักกันดีในต่างประเทศมานานเช่นกัน ปัจจุบันประเทศไทยมีการเพาะเลี้ยงปลากัดกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงและเพาะพันธุ์ได้ง่ายปีหนึ่ง ๆ ประเทศไทยได้ส่งปลากัดไปขายต่างประเทศ
คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท
      ปลา กัดพันธุ์ดั้งเดิมในธรรมชาติ มีสีน้ำตาลขุ่นหรือสีเทาแกมเขียว ครีบและหางสั้น ปลาเพศผู้มีครีบและหางยาวกว่าปลาเพศเมียเล็กน้อย จากการเพาะพันธุ์และการคัดพันธุ์ติดต่อกันมานาน ทำให้ได้ปลากัดที่มีสีสวยงามหลายสี อีกทั้งลักษณะครีบก็แผ่กว้างใหญ่สวยงามกว่าพันธุ์ดั้งเดิมมาก และจากสาเหตุนี้ทำให้มีการจำแนกพันธุ์ปลากัดออกไปได้เป็นหลายชนิด เช่น ปลากัดหม้อ ปลากัดทุ่ง ปลากัดจีน ปลากัดเขมร เป็นต้น การแพร่กระจายของปลากัดพบทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย อาศัยอยู่ในอ่างเก็บน้ำ ทะเลสาบ หนอง บึง แอ่งน้ำ ลำคลอง ฯลฯ


นกสวยงาม

นก กรงหัวจุก ที่เราๆท่านๆ นำมาแข่งขันประชันเสียงกันนั้น มีตำนานเล่าสืบต่อกันมา และมีหนังสือบางเล่ม ได้เขียนเอาไว้ว่าชนชาติแรกที่นำนกปรอดหัวจุกมาเลี้ยงคือชาวจีน  เมื่อประมาณ พ.ศ.2410 คนจีนได้นำนกปรอดหัวจุกมาเลี้ยงแทนนกโรบิ้น ที่คนจีนส่วนใหญ่นิยมนำมาใส่กรงพาเดินไปตามถนนหรือนั่งร้านกาแฟ หรือไปหาเพื่อนๆ ที่รู้ใจและเลี้ยงนกเหมือนกัน และเจ้านกโรบิ้น มักจะเป็นนกที่ตกใจง่ายและตื่นคน บางครั้งตกใจมากจนถึงขั้นช๊อคตายคากรง ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ชาวจีนกันมาเลี้ยงนกปรอดหัวจุกหรือนกหัวจุกกันอย่าง แพร่หลาย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
นกกรงหัวจุกมีถิ่นอาศัยอยู่ในแถบประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น ในทวีปเอเซีย พบได้ ประเทศจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม กัมพูชา ลาว ส่วนใหญ่ เราจะพบนกชนิดนี้ได้ทั่วทุกภาคของประเทศ

         
นกกรงหัวจุกเป็นที่นิยมของคนภาคใต้มายาวนาน โดยได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย นั่นคือการแข่งขันประชันเสียงเพลงที่มีลีลาการร้องของสำนวนเสียง ในนกแต่ละตัวว่าใครจะเหนือกว่ากัน แต่ในสมัยก่อนของภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส กระบี่ นครศรีธรรมราช นิยมนำนกกรงหัวจุกมาชนกันหรือตีกันเหมือนกับการชนไก่ คือเอานกมาเทียบขนาดให้ใกล้เคียงกันแล้วจับใส่กรงกลางที่มีขนาดใหญ่แล้ว ปล่อยให้นกทั้งสองตัวไล่จิกตีกันภายในกรงจนกว่าจะรู้แพ้รู้ชนะ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่านกปรอดหัวจุก มีนิสัยดุร้ายและชอบไล่จิกและตีกัน ตามธรรมชาติอยู่แล้ว


         การแข่งขันนกกรงหัวจุกได้มาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2515 เพราะว่าชาวจังหวัดสงขลา มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนจากการตีกันมาเป็นแบบแข่งขันประชันเสียง โดยเอาแบบมาจากการแข่งขันของนกเขาชวา คือนำนกป่าที่ต่อมาได้นำมาเลี้ยงและฝึกให้เกิดความเชื่องกับคนเลี้ยงหรือ เชื่องกับผู้ที่เป็นเจ้าของ พร้อมกับฝึกให้นกมีความสามารถในการร้องในลีลาต่างๆ ตามแต่ที่นกในแต่ละตัวจะทำได้ และผู้เล่นนกกรงหัวจุกก็เริ่มเปลี่ยนการละเล่นที่นำนกมาตีกัน มาเป็นอย่างเดียวกันกบนกเขาชวา คือการเล่นฟังเสียงอันไพเราะของนก จากนั้นการแข่งขันประชันเสียงของนกกรงหัวจุกก็เริ่มมีผู้นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้จัดให้มีการแข่งขันขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อปี พ.ศ. 2519 ที่สนามบริเวณหลังสถานีรถไฟเมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งในการจัดครั้งนั้นถือว่าเป็นรายการใหญ่ที่สุดในยุคนั้น และได้ยกเลิกการแข่งขันนกกรงหัวจุกในแบบตีกัน ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ.2520 ทางจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดให้มีการรวมกลุ่มผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุก โดยจัดตั้งขึ้นเป็นชมรม ซึ่งทำให้ทุกวันนี้มีชมรมต่างๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย

กรุงเทพมหานคร ได้มีการเล่นนกกรงหัวจุก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2524 โดยมีกลุ่มคนทางภาคใต้นำเอากีฬาชนิดนี้เข้ามาเผยแพร่ให้เป็นทีรู้จักและได้ จัดให้มีการแข่งขัน ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ตลอดสวนจตุจักร และนับแต่นั้นมากระแสความนิยมแข่งขันประชันเสียงของนกกรงหัวจุกก็ได้รับความ นิยมสืบมาจนถึงปัจจุบัน





นกเขาใหญ่ (นกเขาหลวง)


ลักษณะทั่วไป
    
นกเขาใหญ่ตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะคล้ายคลึงกัน บนหัวมีสีเทาและหลังสีน้ำตาลอกแดงและคอสีน้ำตาลอมแดง ลักษณะที่เด่นชัดคือ มีแถบสีดำจุดขาวคาดบริเวณคอด้านหลัง แถบดังกล่าวนี้พบทั้งตัวผู้และตัวเมีย ยกเว้นตัวที่โตไม่เต็มที่จะยังไม่ปรากฏ
      

ถิ่นอาศัย, อาหาร
     พยในทวีปเอเชียแถบประเทศอินเดีย จีน ไต้หวัน เวียดนาม กัมพูชา และในประเทศไทยพบในทั่วทุกภาค
     นกเขาใหญ่ชอบกินเมล็ดพืชเป็นอาหาร ได้แก่ ข้าวฟ่าง และธัญพืชต่างๆ

พฤติกรรม, การสืบพันธุ์
     ชอบอาศัยอยู่ตามทุ่งนา ป่าโปร่ง แหล่งที่มีการเพาะปลูกพืชไร่ มักอยู่เป็นคู่และขันคูในตอนเช้าเย็น มักลงมาหากินตามพื้นดิน เวลาขันจะมีเสียงไพเราะ คนจึงนิยมนำนกเขาชนิดนี้มาเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย
     ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ทำรังอยู่บนต้นไม้ใหญ่ โดยใช้กิ่งไม้ขัดสานกันทำให้เป็นแอ่งเพื่อวางไข่ ปกติจะวางไข่ครั้งละ 2-3 ฟอง 
 




นกเงือก มีอยู่ด้วยกัน 54 ชนิดในโลก พบได้ในป่าเขตร้อนของทวีปแอฟริกาและเอเชียเท่านั้น ในประเทศไทยมีนกเงือกอยู่ถึง 13 ชนิด ลำ ตัวของนกเงือกมีขนาดใหญ่มาก บางชนิดอาจมีขนาดตัวถึง 150 เซนติเมตรความกว้างของปีกที่กางออกอาจถึง 2 เมตร นกพวกนี้มีลักษณะเด่นคือ มีปากยาวใหญ่ และมีโหนก (casque) เหนือปาก โหนกของนกเงือกมีลักษณะแตกต่างกัน จึงช่วยในการจำแนกชนิดของนกเงือก

นกกก, นกกาฮังarticle
เป็น นกเงือกขนาด ใหญ่มากขนาดตัวราว 122 ซม. สีเหลืองบนปากและโหนกเกิดจากสีของน้ำมันจากต่อมโคนหางที่นกทาเอง ตัวผู้ตาแดง ตัวเมียตาขาว...

        
         

นกแก๊ก, นกแกงarticle
เป็นนกสีดำขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับนกเงือกสีน้ำตาล ปากและโหนกสีงาช้าง ตัวผู้มีโหนกยาวทรงกระบอกทอดตามความยาวของปากมีสีดำ...




นกเงือกกรามช้างปากเรียบarticle
รูปร่างหน้าตานิสัยเหมือนนกกู๋กี๋ หรือ นกเงือกกรามช้าง มีขนาดย่อมกว่า และต่างกันตรงที่ปากด้านข้างเรียบ...



นกเงือกปากย่นarticle
คล้าย นกกู๋กี๋แต่ขนาดย่อมกว่า โคนหางสีดำ ส่วนปลายกว่าครึ่งความยาวหางมีสีขาว ตัวผู้มีโหนกสูงแต่ไม่หนา ...






“หนูยักษ์คาปิบาร่า” สัตว์ฟันแทะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มีลักษณะคล้ายหนูตะเภา หูสั้น ไม่มีหาง มีพังผืดที่เท้า ขนสีน้ำตาลอ่อนถึงสีดำ เมื่อโตเต็มที่อายุ 15 – 18 เดือน จะมีน้ำหนัก มากถึง 50 – 70 กิโลกรัม สูงประมาณ 45 เซนติเมตร
มีถิ่นอาศัย ทางตอนเหนือฝั่งตะวันออกและตอนกลางของอเมริกาใต้ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง
“หนู ยักษ์คาปิบาร่า” เป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำและดำน้ำเก่ง นอนแช่น้ำได้ทั้งวัน แม้ในเวลาขับถ่าย หรือ ผสมพันธุ์ เพราะชื่นชอบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จะขึ้นจากน้ำก็ต่อเมื่อออกหาอาหาร ในช่วงเช้า และเย็น อาหารก็จำพวก หญ้า และพืชน้ำ


เตกู (Tegu)

รายละเอียด: เตกู (Tegu)
เตกู (Tegu) มี ถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบทะเลทรายละติน ประเทศสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก จัดอยู่ในจำพวกสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ ที่หน้าตาจะคล้ายตะกวดในบ้านเรา แต่มีหลากสีสันทั้ง สีแดง ขาว ดำ เหลือง น้ำเงิน เผือก มีลักษณะใบหน้ากลม แก้มป่อง เท้าทั้งสี่จะมีเล็บที่แหลมคม ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ มีพละกำลังมาก อีกทั้งยังเป็นนักล่าที่มีการตื่นตัวอยู่เสมอ
ใน วัยเล็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน สามารถให้อยู่ในตู้ปลา ขนาด 24 นิ้ว ไม่ควรใช้พรมรองเพราะอาจทำให้เล็บเข้าไปเกี่ยว แต่ให้ใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์ ดิน รองพื้นให้สูงประมาณ 2-3 นิ้ว และควรมี ขอน โพรงไม้ และ อ่างน้ำ ไว้ด้วย